แรงจูงใจ
แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวแตกต่างไปจากแรงจูงใจในวิชาจิตวิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพของบุคคลแรงจูงใจทางด้านการท่องเที่ยว หรือแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเป็นแนวคิดที่เป็นแบบลูกผสมระหว่างแนวคิดทางจิตวิทยาผสมกับแนวคิดทางด้านสังคมวิทยา แรงจูงใจจึงหมายถึงเครือข่ายทั้งหมดของพลังทางวัฒนธรรมและพลังทางชีววิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมทางการท่องเที่ยว
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1.ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น
กล่าวว่ามนุษย์เป็นสัตว์ทีมีความต้องการและมนุษย์จะแสดงพฤติกรรมต่างๆ เพื่อที่จะสนองความต้องการและความต้องการจำเป็นต่างๆ ความต้องการของคนเราจะไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อความต้องการอย่างหนึ่งได้รับการตอบสนองแล้ว ความต้องการอีกระดับก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่ Maslow ได้เสนอลำดับขั้นของความต้องการของมนุษย์ทั้งหลายรวม 5 ขั้น
ความต้องการของมนุษย์มีทั้งหมด 5 ขั้นดังนี้
1.ความต้องการความสำเร็จแห่งตน
2.ความต้องการที่จะมีเกียรติยศชื่อเสียง
3.ความต้องการทางด้านสังคม
4.ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต
5.ความต้องการทางด้านสรีรวิทยา
2. ทฤษฎีขั้นบันไดแห่งการเดินทาง
ผู้นำเสนอคือ Philip Pearce โดยประยุกต์มาจากทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น แต่แตกต่างตรงที่ในลำดับขั้นแห่งความต้องการของนักท่องเที่ยวในขั้นที่ 1 หรือความต้องการทางสรีรวิทยา ถึงขั้นที่ 4 หรือความต้องการทางด้านเกียรติยศชื่อเสียงนั้น ในแต่ละขั้นเกิดขึ้นจากบุคคลเป็นผู้กำหนดเอง ส่วนหนึ่งและมีอีกส่วนหนึ่งเป็นการชักนำหรือกำหนดโดยผู้อื่น ยกเว้นความต้องการในขั้นสูงสุดหรือความต้องการความสำเร็จแห่งตนหรือความต้องการที่จะได้รับความพึงพอใจสูงสุด เป็นขั้นที่เกิดจากความต้องการของตัวบุคคลเป็นผู้กำหนดเอง
3.แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น
Crompton ได้ทำการวิจัย เพื่อศึกษาถึงแรงจูงใจที่ผลักดันให้คนเรามีการเดินทางท่องเที่ยว เขาได้ทำวิจัยโดยรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวที่เป็นคนชั้นกลาง 39 คน สรุปผลการวิจัยของเขาออกมาเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการเดินทางที่เขาเรียกว่า วาระซ่อนเร้น เนื้อหาสาระบางส่วนมีเนื้อหาคล้ายกับทฤษฎีแรงจูงใจของ Maslow
แรงจูงใจวาระซ่อนเร้นมี 7 ประเภท
1. การหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมจำเจ
2. การสำรวจและการประเมินตัวเอง
3. การพักผ่อน
4. ความต้องการเกียรติภูมิ
5. ความต้องการที่จะถอยกลับไปสู่สภาพดั้งเดิม
6. กระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
7. การเสริมสร้างการปะทะสังสรรค์ทางสังคม
4. แรงจูงใจทางการท่องเที่ยวในทัศนะของ Swarbrooke
จำแนกแรงจูงใจที่ทำให้คนเดินทางออกเป็น 6 ชนิดดังนี้
1. แรงจูงใจทางด้านสรีระหรือทางกายภาพ
2. แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม
3. การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
4. การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้เพื่อสถานภาพ
5. แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
6. แรงจูงใจส่วนบุคคล
โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
หมายถึง องค์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ถือเป็นส่วนสนับสนุนให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
โครงสร้างพื้นฐานหลักๆในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่
1. ระบบไฟฟ้า จะต้องมีใช้อย่างพอเพียง ทั่วถึง และใช้การได้ดีไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือก่อเกิดอันตราย
2. ระบบประปา ควรมีความสะอาด ถูกหลักอนามัย มีปริมาณเพียงพอ
3. ระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงโทรศัพท์มีสายและไร้สาย ไปรษณีย์ โทรเลข
โทรสาร และไปรษณีย์อีเลกโทรนิกส์ ต้องมีความรวดเร็วและสะดวก
4. ระบบการขนส่ง ประกอบไปด้วย
· ระบบการเดินทางทางอากาศ
· ระบบการเดินทางทางบก
· ระบบการเดินทางทางน้ำ
5. ระบบสาธารณสุข ควรมีสาธารณสุขที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว
ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้แก่
1.2 ลักษณะภูมิประเทศ ที่ปรากฏอยู่ตามส่วนต่างๆของโลก จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกมีได้ 2 ลักษณะ
· การเปลี่ยนแปลงจากภายในของเปลือกโลก เช่น ภูเขาไฟระเบิด
· การเปลี่ยนแปลงบริเวณผิวโลก เช่น เนินทราย
1.2 ลักษณะภูมิอากาศ พื้นที่ที่ตั้งอยู่แตกต่างกันเมื่อพิจารณาตามเส้นแลตติจูด อากาศแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน
ปัจจัยทางวัฒนธรรม
หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคม วัฒนธรรมย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขและกาลเวลาเมื่อมีการประดิษฐ์หรือค้นพบสิ่งใหม่ วิธีใหม่ที่ใช้แก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของสังคมได้ดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น